วัดพุลกุกซา (Bulguksa Temple)
สำหรับในภูมิภาคเอเซียเเล้ว คงจะไม่มีประเทศไหนที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมไปเที่ยวกันอย่างมากมายแบบเกาหลีอีกแล้ว เพระการการท่องเที่ยวเกาหลีนั้นแสนจะสะดวกสบาย ทั้งการไม่ต้องขอวีซ่า หรือค่าใช้จ่ายที่แสนจะถูก แถมเรื่องของสินค้าก็ถูกอกถูกใจขาช็อปชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง จึงไม่น่าแปลกใจว่าเกาหลีจะเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางในการมาท่องเที่ยว ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง วัดพุลกุกซา ก็มีความน่าสนใจและอยู่ในรีสโปรแกรมทัวร์เกาหลีของหลายๆ คน ที่หากมีโอกาสแล้วต้องมาเยือนซักครั้ง
สำหรับ วัดพุลกุกซา นั้นจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 7.00 น. จนถึง 17.00 น. ซึ่งคุณต้องซื้อบัตรเข้าชมในราคา 4,000 วอนต่อคน โดยจุดเเรกที่ต้องผ่านก่อนจะเข้าถึงบริเวณของวัดก็คือ
สะพานหิน Haetalgyo ที่จะข้ามสระน้ำเเห่งปัญญาตามความเชื่อของชาวเกาหลี เเละเมื่อข้ามเข้ามาเเล้วก็จะมาพบกับมุมที่คุ้นเคยกันเป้ฯอย่างดีในการถ่ายภาพ คือตัวโบสถ์ขนาดใหญ่ ที่มีบันไดหินขนาดยักษ์ สวยเด่นเป็นสง่า ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี มุมนี้นับว่าเป้ฯมุมมหาชนในการมาถ่ายภาพกัน โดยที่ทั้งสองข้างจะมีชื่อว่า Cheongungyo เเละ Baekungyo
เมื่อคุณเดินเข้ามาในตัว Bulguksa Temple จะเป็นบริเวณลานกว้างหน้าโบสถ์ที่มีเจดีย์เก่าเเก่อันเป็นสัญลักษณ์ของวัด โดยเจดีย์ทั้งสององค์นั้นมีการคัดลอกเเบบไปเเสดงที่พิพิธภัณฑ์เมืองเคียงจูอีกด้วย ซึ่งมีชื่อเรียกกันว่าเจดีย์ Seoktap และ Dabotap ส่วนพระประธานโบสถ์นั้นก็สวยงามเเละมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก จนเป็นที่นิยมมาสักการะกันของนักท่องเที่ยว โดยรอบๆ ตัวโบสถ์ในช่วงของใบไม้เปลี่ยนสีนั้นจะมีความสวยงามเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
สำหรับในภูมิภาคเอเซียเเล้ว คงจะไม่มีประเทศไหนที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมไปเที่ยวกันอย่างมากมายแบบเกาหลีอีกแล้ว เพระการการท่องเที่ยวเกาหลีนั้นแสนจะสะดวกสบาย ทั้งการไม่ต้องขอวีซ่า หรือค่าใช้จ่ายที่แสนจะถูก แถมเรื่องของสินค้าก็ถูกอกถูกใจขาช็อปชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง จึงไม่น่าแปลกใจว่าเกาหลีจะเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางในการมาท่องเที่ยว ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง วัดพุลกุกซา ก็มีความน่าสนใจและอยู่ในรีสโปรแกรมทัวร์เกาหลีของหลายๆ คน ที่หากมีโอกาสแล้วต้องมาเยือนซักครั้ง
Bulguksa Temple นั้นตั้งอยู่ที่เมืองเก่าเเก่อย่างเมืองเคียงจู โดยเป็นวัดหลักของอาณาจักรชิลล่ามาตั้งเเต่ปี ค.ศ.535 ซึ่งวัดเเห่งนี้มีความสวยงามเเละสมบูรณ์เเบบอย่างมาก จนทำให้ได้รับการคัดเลือกเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์การ UNESCOเมื่อปี ค.ศ.1995 ที่ผ่านมา ทำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองเคียงจูไปเลย ซึ่งในเเต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมวัดสำคัญเเห่งนี้เป็นอันมาก ยิ่งในช่วงของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีนั้นนับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวฮอตฮิตเลยทีเดียว
สำหรับ วัดพุลกุกซา นั้นจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 7.00 น. จนถึง 17.00 น. ซึ่งคุณต้องซื้อบัตรเข้าชมในราคา 4,000 วอนต่อคน โดยจุดเเรกที่ต้องผ่านก่อนจะเข้าถึงบริเวณของวัดก็คือ
สะพานหิน Haetalgyo ที่จะข้ามสระน้ำเเห่งปัญญาตามความเชื่อของชาวเกาหลี เเละเมื่อข้ามเข้ามาเเล้วก็จะมาพบกับมุมที่คุ้นเคยกันเป้ฯอย่างดีในการถ่ายภาพ คือตัวโบสถ์ขนาดใหญ่ ที่มีบันไดหินขนาดยักษ์ สวยเด่นเป็นสง่า ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี มุมนี้นับว่าเป้ฯมุมมหาชนในการมาถ่ายภาพกัน โดยที่ทั้งสองข้างจะมีชื่อว่า Cheongungyo เเละ Baekungyo
เมื่อคุณเดินเข้ามาในตัว Bulguksa Temple จะเป็นบริเวณลานกว้างหน้าโบสถ์ที่มีเจดีย์เก่าเเก่อันเป็นสัญลักษณ์ของวัด โดยเจดีย์ทั้งสององค์นั้นมีการคัดลอกเเบบไปเเสดงที่พิพิธภัณฑ์เมืองเคียงจูอีกด้วย ซึ่งมีชื่อเรียกกันว่าเจดีย์ Seoktap และ Dabotap ส่วนพระประธานโบสถ์นั้นก็สวยงามเเละมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก จนเป็นที่นิยมมาสักการะกันของนักท่องเที่ยว โดยรอบๆ ตัวโบสถ์ในช่วงของใบไม้เปลี่ยนสีนั้นจะมีความสวยงามเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
สำหรับการเดินทางมายัง วัดพุลกุกซา นั้นคุณสามารถใช้บริการของรถบัสที่วิ่งจากเมืองเคียงจู โดยให้มาขึ้นที่ฝั่งตรงข้ามกับสถานีรถบัสเคียงจู เเล้วให้เลือกนั่งรถบัสสาย 10 หรือ 11 ก็ได้ ซึ่งค่าโดยสารจะอยู่ที่ 3,000 วอน โดยใช้เวลาในการเดินทาง 30-40 นาทีด้วยกัน โดยเมื่อมาถึงบริเวณภูเขาที่มีรถบัสจอดเยอะๆ ก็เเสดงว่าถึงเเล้ว โดยด้านหน้าจะมี Tourist Information ตั้งอยู่อีกด้วยคุณจะเเวะเข้าไปขอเเผนที่ก็สามารถทำได้ จากนั้นก็เดินผ่านลาดจอดรถมาก็จะเจอกับทางเดินขึ้นไป วัดพุลกุกซา ซึ่งใช้เวลาเดินอีก 10-15 นาทีก็จะถึงเเล้ว
ที่มาจาก : http://www.korea108.com/2015/05/bulguksa-temple.html
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น